KedoFoto's Blog
Idea Photography Inspiration :D
วันพฤหัสบดีที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2556
วีซ่านิวซีแลนด์ 2013
เพิ่งได้มาวันนี้สดๆร้อนๆ เลยมา review ไว้กันลืม
เนื่องจากจะไปกันทั้งหมด 4 คน เลยทำเป็นวีซ่าแบบกลุ่ม จะทำให้ประหยัดค่าวีซ่าไปได้อีกเยอะ
ปัจจุบันวีซ่านิวซีแลนด์ ไม่ได้ทำที่สถานฑูตโดยตรง แต่ทำผ่าน agent อย่างเป็นทางการ โดยเข้าเวปนี้ https://www.ttsnzvisa.com/Home.aspx และไม่จำเป็นต้องไปด้วยตัวเอง สามารถส่งไปรษณีย์ได้ แต่พอดีมีเพื่อนที่ไปด้วยกันอยู่ กทม. เลยฝากไปยื่น
แล้วเข้าส่วนของ Application Form --> Visit Form 1017
http://www.immigration.govt.nz/NR/rdonlyres/3CEE1C20-BA66-45ED-ABE7-7697DDC12F73/0/INZ1017.pdf
หลักฐานที่ต้องใช้
1. กรอกแบบฟอร์ม 1017 ถ้ามีคู่สมรส ก็ต้องกรอกข้อมูลด้วย ถึงแม้จะไม่ได้ไป
2. รูปถ่าย หลังขาว 2 นิ้ว 2 ใบ
3. Passport ตัวจริง เล่มล่าสุด+เล่มเก่า (ถ้ามี)
4. สำเนาบัญชีเงินฝาก ออมทรัพย์ ย้อนหลัง 6 เดือน โดยไปขอ Statement ที่ธนาคาร ใช้เวลาไม่นาน ค่าธรรมเนียม 100 บาท
5. หนังสือรับรองจาก รพ. - ตำแหน่ง, เงินเดือน+OT เป็นภาษาอังกฤษ ส่วนเรื่องวันลาจากวันไหนถึงวันไหน ทางผมไม่ได้ระบุลงไป แต่ก็ผ่าน
6. ใบจองตั๋วเครื่องบิน แนบไปด้วย ยืนยันว่ากลับมาแน่
7. ใบจองรถ, ใบจองโรงแรม อะไรที่จะทำให้เค้าออกให้ จัดไป
8. ค่าทำวีซ่า ค่าธรรมเนียม 800 + ถ้าไปแบบกรุ๊ป คนละ 2,100 บาท ค่าส่งไปรษณีย์ กรณีไม่ไปรับเอง 50 บาท รวม 2,950 ต่อคน แต่ถ้าไปเป็นสามี-ภรรยา เหลือ 5,150 บาท
ปล.ถ้าไปคนเดียว ค่าวีซ่า 4,300 + ค่าธรรมเนียม 500 เป็น 5,100 บาท... สรุปว่าอย่าไปคนเดียวเลย
9. ใบทะเบียนสมรส , ใบเปลี่ยนชื่อ-สกุล (ถ้ามี)
ส่งหลักฐานไปวันที่ 11 ตค. ได้รับคืน 24 ตค. ใช้เวลา 13 วัน
ป้ายกำกับ:
2013,
2556,
ทำวีซ่า,
นิวซีแลนด์,
ล่าสุด,
วิธีทำวีซ่า,
วีซ่า,
สถานฑูต,
หลักฐาน,
new zealand,
visa
วันอาทิตย์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2556
เตรียมความพร้อม เที่ยวนิวซีแลนด์ ธันวาคม 2556
เป็นอีก 1 ทริปในฝัน ที่คิดไว้้ตั้งแต่ปีที่แล้ว ตอนนี้เหลือเวลาอีก 6 เดือน เลยเขียน Blog มาเตือนตัวเองว่าจะต้องเตรียมพร้อมอะไรบ้าง
1. ตั๋วเครื่องบิน จองแล้ว Emirates BKK-CHC ด้วยราคา 40,450 บาท (Singapore airline แพงกว่าหมื่นนึง)
2. กำหนดการคร่าวๆ ... คิดไว้แล้ว 9 วัน 8 คืน
1. ตั๋วเครื่องบิน จองแล้ว Emirates BKK-CHC ด้วยราคา 40,450 บาท (Singapore airline แพงกว่าหมื่นนึง)
2. กำหนดการคร่าวๆ ... คิดไว้แล้ว 9 วัน 8 คืน
วันที่ 7 ธค.56
พร้อมกันที่สุวรรณภูมิ เพื่อบินสู่นิวซีแลนด์ เวลา 18.00 น. ใช้เวลาบิน 14 ชั่วโมง
วันที่ 8 ธค.56
ถึงสนามบินไครต์เชิร์ช (CHCH) อย่างปลอดภัย เวลา 15.30 น.
รับรถยนต์แล้วเข้าพักที่เมือง CHCH
วันที่ 9 ธค. 56
ออกเดินทางเช้าตรู่ ตรงไปยังทะเลสาป Tekapo (ทะเลสาปสีเทอร์ควอยซ์ ที่มีโบสถ์ Church of Good Shepherd) ระยะทาง 250 Km ใช้เวลา 3 ชั่วโมง (ไม่รวมจอดถ่ายรูป)
ถ่ายรูปพอเป็นไอเดีย แล้วขับต่อไป Mt.Cook เพื่อกินข้าวเที่ยง และหาเดิน Trekking ใกล้ๆ
ที่เล็งไว้คือ Hooker Valley Trekking ใช้เวลา 1-2 ชั่วโมง
ย้อนกลับมาเก็บแสงเย็นที่ Tekapo อีกครั้ง เพราะจะค้างคืนที่ริมทะเลสาปแห่งนี้
เตรียมตัวถ่ายโบสถ์ในตำนานได้ทุกมุม ทุกแสง พร้อมดอกลูปิน
วันที่ 10 ธค. 56
จะยังคงเก็บภาพที่ทะเลสาป Tekapo พร้อมกับชื่นชมความงามของดอกลูปิน ที่จะบานแค่ปีละครั้ง สายๆ ค่อยออกเดินทางต่อ
จุดหมายวันนี้คือเมือง Queenstown ระยะทาง 250 km
ระหว่างทางจะผ่านเมือง Twizel, Cromwell (กินผลไม้สดๆ) และที่สำคัญเมือง Arrow town ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำ Lord Of The Rings
ถึง Queenstown ตอนเย็นๆ พักผ่อนตามอัธยาศัย
แต่ถ้าถึงเร็วก็ขึ้น Gondola ชมเมืองซะเลย
วันที่ 11 ธค. 56
ออกเดินทางแต่เช้า วันนี้เราจะไป Milford Sound - สุดยอด Highlight ประจำทริป โดยจะผ่านเมือง Teanau ระยะทาง 290 km
ให้เวลาทั้งวัน แวะเบี้ยใบ้รายทางกันไป สวยตลอดทางแหละ 555
น่าจะถึง Milford sound บ่ายๆ และเราจะพักกันที่นี่
วันที่ 12 ธค. 56
เก็บแสงเช้ากันแล้ว ใครชอบนั่งเรือ ก็สามารถจองตั๋วไปดูนำ้ตก ล่องฟยอร์ดกันได้ในวันนี้ (แต่คาดว่าคงจะไม่มี 555) และเราจะย้อนกลับมาพัก Queenstown กันอีกครั้ง
ถ้าสมมติว่ามาเร็วก็จะได้ขึ้น Gondolar เพื่อที่จะชมทัศนียภาพของเมือง Queenstown จากมุมสูง และเทือกเขา Unremarkable ที่ใช้ถ่าย LOTR (อีกแล้วนะจ๊ะ)
วันที่ 13 ธค. 56
เที่ยวแถวๆเมืองนี้อีกซักวัน ก็คือ ทะเลสาป Wanaka, Mt.Aspring national park
จุดหมายในวันนี้คือเมือง Fox gracier ระยะทาง 380 km (ไกลมั่ก)
วันที่ 14 ธค. 56
ไปล่าแสงเช้ากันที่ทะเลสาป Matheson ส่วนตอนบ่าย ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปดูธารนำ้แข็งบนยอดเขากัน
หลังจากนั้นเราก็จะเดินทางไปพักที่เมือง Greymouth ระยะทาง 200 km
วันที่ 15 ธค. 56
เที่ยวในเมือง Greymouth แวะดู Pancake Rock หลังจากนั้นเราจะเดินทางกลับ CHCH ระยะทาง 240 km ใช้เวลาประมาณ 3 ชม
ขึ้นเครื่อง เวลา 14.00 น. (น่าจะมีเวลา Shopping ในเมืองก่อนกลับ)
และถึงสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพเวลา 00.50 น.
3. ที่พัก ยังไม่ได้จอง แต่ดูๆจาก Tripadvisor ได้ idea ดี
4. เช่ารถยนต์ อันนี้ก็ยัง
5. ทำวีซ่า รออีกซัก 3 เดือนละกัน
6. ทำใบขับขี่สากล รอหลังวีซ่า
วันเสาร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2556
D.I.Y. กระเป๋าใส่ LEE Filter
หลังจากมีปัญหาในการแบก LEE filter ไปเที่ยว แล้วเวลาหยิบใช้ไม่สะดวก แถมเปลืองพื้นที่กระเป๋ากล้องอีกต่างหาก ครั้นจะไปซื้อกระเป๋าของแท้ใส่ ก็กลัวจะไม่คุ้ม เพราะราคาเกือบ 2,000 บาท
ก็เลยนึกวิธีเก็บที่ง่าย ประหยัด ไม่เปลืองเนื้อที่ และที่สำคัญ ป้องกัน Filter ราคาแพง ไม่ให้แตกได้ด้วย
ลองมาดูกันครับ
มันมีไอเดียมาจากกล่องเก็บ CD ที่เดี๋ยวนี้ไม่ได้ใช้แล้วนั่นเองครับ
ก็เลยนึกวิธีเก็บที่ง่าย ประหยัด ไม่เปลืองเนื้อที่ และที่สำคัญ ป้องกัน Filter ราคาแพง ไม่ให้แตกได้ด้วย
ลองมาดูกันครับ
มันมีไอเดียมาจากกล่องเก็บ CD ที่เดี๋ยวนี้ไม่ได้ใช้แล้วนั่นเองครับ
แปะสติกเกอร์ I AM NIKON เพื่อเพิ่มความหล่อ ฮ่าๆๆ
ตัดซอง CD ข้างๆ .... ไม่ใช้ด้านบนนะครับ เพราะมันจะปิดไม่ได้
ใส่ได้หลายแผ่น ตามต้องการ
Holder ก็ใส่ลงไปได้นะครับ
ตอนปิด จะเห็นว่าเกือบติดขอบ แต่ว่าปิดได้พอดี
เทียบกับกระเป๋าแบบ Original จะเห็นว่า ประหยัดพื้นที่ไปมากโข
ก็เป็นอันจบ DIY แต่เพียงเท่านี้ ..... ลองกันดูนะครับ
วันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2556
เส้นทางสู่การขายภาพที่ Getty Images
Update [10 เมษายน 2560]
ไม่ได้เข้ามานาน เลยจะเข้ามาแจ้งว่า วิธีการนี้ทาง Getty image ไม่ได้ใช้แล้วนะครับ วิธีแบบใหม่ ผมไม่ค่อยได้ศึกษาเลยไม่ทราบเหมือนกันครับ
ก่อนหน้านี้เคยสอบผ่าน Stockphoto ที่ว่าขายภาพดีๆ ได้ 2 เจ้า ก็คือ Shutterstock และ iStockphoto ซึ่งแนวทางการสอบหรือการขายนั้นมีให้ศึกษาอยู่หลายที่ หลักๆผมก็อาศัยหนังสือและ Website คือ
1. หนังสือ "แชะ รวยด้วยภาพถ่าย" ของ อ.สุระ นวลประดิษฐ์
2. Stockphotothailand
ซึ่งผมรับรองว่าถ้าขยันอ่าน ขยันเข้าเวปบ่อยๆ รับรองว่าสอบผ่านได้แน่นอน ไม่ง่ายแต่ก็ไม่ยาก 555
ผมเคย Review การสอบ Shutterstock ที่ Multiply ไว้ ซึ่งจะมีเกณฑ์่ผ่าน 7 ใน 10 ภาพ ......... รอบแรกส่งไปผ่านแค่ 3 ใน 10 ภาพ หลังจากนั้นรออีก 1 เดือน ถึงจะสอบรอบ 2 .. โชคดีสอบผ่าน 7 ใน 10 ภาพ พอดี
ส่วน iStockphoto จะใช้ภาพ 3 ภาพ แล้วส่งให้ Editor พิจารณาว่าฝีมือเข้าขั้นพอจะผ่านได้มั้ย ซึ่งควรจะมีแนวหลากหลาย เช่น Portrait, Studio shot, Landscape เป็นต้น
ทีนี้มาเข้าเรื่อง ..... Getty images ....... ว่าจะสมัครยังไง ต้องสอบมั้ย ....... ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่เคยเห็นใคร Review ไว้ มีแต่คำบอกเล่า คือ
1. ต้องมี Account Flickr เพราะ Editor ของ Getty images จะไปสอดส่องหาคนขายภาพจากที่นี่
2. เป็นช่างภาพที่มีชื่อเสียง ได้รับเชิญไปเป็น Contributor ของ Getty images ...... อันนี้หล่อสุดๆ แต่ว่าเท่าที่รู้คนไทยมีแค่พี่ชุม อธิษฐ์ พีระวงศ์เมธา คนเดียวที่เข้าช่องทางนี้
ซึ่งผมเองได้สมัคร Flickr ไว้ได้ 3-4 ปี แต่ไม่ได้เล่นเลย จนเมื่อ 5 เดือนก่อน เริ่มลงภาพที่คิดว่าตัวเองชอบ คิดว่าพอดูได้
อยู่ดีๆ (ไม่ว่าดี) ...... 8 กุมภาพันธ์ 2013 ก็ได้รับ Email จาก Flickr ว่าได้ถูกคัดเลือกเป็น Contributor
ปล. รูปไม่ชัด ก็ผ่าน ...... ฮา
Update 7/5/2013
- เพิ่มเติมวิธีการท่่ี Editor จะมีโอกาสเห็นภาพของเรามากขึ้น เพื่อที่จะมีโอกาสได้รับเชิญเป็น Contributor อีกอย่าง คือ การ Add photo to Group ต่างๆ เยอะๆ โดยเฉพาะ Group ใหญ่
ตัวอย่างของผมเอง คือ D700 Group, Len 16-35 F4 เป็นต้น
ไม่ได้เข้ามานาน เลยจะเข้ามาแจ้งว่า วิธีการนี้ทาง Getty image ไม่ได้ใช้แล้วนะครับ วิธีแบบใหม่ ผมไม่ค่อยได้ศึกษาเลยไม่ทราบเหมือนกันครับ
ก่อนหน้านี้เคยสอบผ่าน Stockphoto ที่ว่าขายภาพดีๆ ได้ 2 เจ้า ก็คือ Shutterstock และ iStockphoto ซึ่งแนวทางการสอบหรือการขายนั้นมีให้ศึกษาอยู่หลายที่ หลักๆผมก็อาศัยหนังสือและ Website คือ
1. หนังสือ "แชะ รวยด้วยภาพถ่าย" ของ อ.สุระ นวลประดิษฐ์
2. Stockphotothailand
ซึ่งผมรับรองว่าถ้าขยันอ่าน ขยันเข้าเวปบ่อยๆ รับรองว่าสอบผ่านได้แน่นอน ไม่ง่ายแต่ก็ไม่ยาก 555
ผมเคย Review การสอบ Shutterstock ที่ Multiply ไว้ ซึ่งจะมีเกณฑ์่ผ่าน 7 ใน 10 ภาพ ......... รอบแรกส่งไปผ่านแค่ 3 ใน 10 ภาพ หลังจากนั้นรออีก 1 เดือน ถึงจะสอบรอบ 2 .. โชคดีสอบผ่าน 7 ใน 10 ภาพ พอดี
ส่วน iStockphoto จะใช้ภาพ 3 ภาพ แล้วส่งให้ Editor พิจารณาว่าฝีมือเข้าขั้นพอจะผ่านได้มั้ย ซึ่งควรจะมีแนวหลากหลาย เช่น Portrait, Studio shot, Landscape เป็นต้น
ทีนี้มาเข้าเรื่อง ..... Getty images ....... ว่าจะสมัครยังไง ต้องสอบมั้ย ....... ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่เคยเห็นใคร Review ไว้ มีแต่คำบอกเล่า คือ
1. ต้องมี Account Flickr เพราะ Editor ของ Getty images จะไปสอดส่องหาคนขายภาพจากที่นี่
2. เป็นช่างภาพที่มีชื่อเสียง ได้รับเชิญไปเป็น Contributor ของ Getty images ...... อันนี้หล่อสุดๆ แต่ว่าเท่าที่รู้คนไทยมีแค่พี่ชุม อธิษฐ์ พีระวงศ์เมธา คนเดียวที่เข้าช่องทางนี้
ซึ่งผมเองได้สมัคร Flickr ไว้ได้ 3-4 ปี แต่ไม่ได้เล่นเลย จนเมื่อ 5 เดือนก่อน เริ่มลงภาพที่คิดว่าตัวเองชอบ คิดว่าพอดูได้
อยู่ดีๆ (ไม่ว่าดี) ...... 8 กุมภาพันธ์ 2013 ก็ได้รับ Email จาก Flickr ว่าได้ถูกคัดเลือกเป็น Contributor
ดีใจสุดๆ ดีใจกว่าสอบผ่าน Shutterstock กับ iStockphoto เพราะมันโคตรเซอไพรส์
E-mail ที่รับเชิญเป็น Contributor
ผมเลยขอสรุปเส้นทางการเข้าวงการ Getty images ดังนี้
1. มี Account Flickr โดยสมัครผ่านทาง Yahoo
2. สมัครเป็นสมาชิกแบบ Pro โดยมีค่าสมัครดังนี้
- 3 months for $6.95
- 1 year for $24.95 (save $2.95) *
- 2 years for $44.95 (save $10.95 and pay only $1.87/month!) *
เข้าไปคลิ๊กที่ภาพของเราใน Photostream แล้วเลือกกด edit บริเวณมุมขวาล่าง "Available for request to license" แล้วเลือกติ๊ก ช่องบนสุด
หลังจากนั้นก็ SAVE แล้วก็ ลงรูป ลงรูป ลงรูป แล้วก็ รอ รอ รอ ......... แล้ว E-mail จาก Getty images ก็จะเข้ามาเอง 555
"May the Force be with you"
ตัวอย่างรูปที่ผ่านการคัดเลือกของผม
Update 7/5/2013
- เพิ่มเติมวิธีการท่่ี Editor จะมีโอกาสเห็นภาพของเรามากขึ้น เพื่อที่จะมีโอกาสได้รับเชิญเป็น Contributor อีกอย่าง คือ การ Add photo to Group ต่างๆ เยอะๆ โดยเฉพาะ Group ใหญ่
ตัวอย่างของผมเอง คือ D700 Group, Len 16-35 F4 เป็นต้น
ป้ายกำกับ:
ขายภาพ,
วิธีสมัคร,
สมัคร,
เส้นทาง,
contributor,
Getty,
getty image,
Getty Images,
image,
Images
วันศุกร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2556
ทำยังไง?? ถึงจะมีรูปถ่ายที่เป็นลายเซ็นของตัวเอง
มีลายเซ็นไม่เห็นจะยาก ....... ไปอัดรูปแล้วก็เซ็นชื่อลงไป
.
.
.
ไม่ใช่ละ - -"
ความหมายก็คือ ถ่ายรูปแล้วมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ใครเห็นก็รู้ว่านี่เป็นรูปของใคร มีสไตล์เฉพาะตัว
แน่นอนว่าทุกคนอยากจะมีอะไรที่ไม่ซ้ำใคร ไม่ว่าจะวงการไหน ช่างภาพ นักดนตรี นักแต่งเพลง นักแสดง ....
แล้วมันทำยังไงล่ะ ตั้งแต่เล่นกล้องมา ไม่เห็นมีใครบอกไว้
.
.
.
จนกระทั่งหนังสือเล่มนี้มาสะกิดผม ...... ที่ ซีเอ็ด
เขียนโดย Austin Kleon
แปลไทยโดย สำนักพิมพ์ WE LEARN
หนังสือว่าด้วย ความลับ 10 ข้อเกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์
ซึ่งมันมีข้อความที่ทำให้ไขคำตอบของคำถามข้างบนได้
หลังจากพลิกหนังสือจากปก ก็เจอข้อความนี้เลย
"ศิลปะคือการขโมย" - ปาโบล ปีกัสโซ
ซึ่งบอกตามตรงว่า ติดใจคำพูดนี้ตั้งแต่อ่านหนังสือชีวประวัติ สตีฟ จ็อบส์ ที่จ็อบส์พูดว่า "ศิลปินที่ดีเลียนแบบ แต่ศิลปินที่ยิ่งใหญ่ขโมย "
ตอนนั้นอ่านแล้วก็รู้สึกว่าเป็น ด้านมืด ของจ็อบส์ และไม่ค่อยชอบคำพูดนี้เลย จนได้มาเข้าใจมากขึ้นจากหนังสือเล่มนี้
"ไม่มีสิ่งใดใหม่ภายใต้ดวงอาทิตย์" - คัมภีร์ไบเบิล (ปัญญาจารย์ 1:9)
"ลงมือเลียนแบบสิ่งที่คุณชอบเลียนแบบ ไปเรื่อยๆ และเมื่อสิ้นสุดการเลียนแบบแล้ว คุณก็จะพบตัวตนของคุณ" - โยจิ ยามาโมโตะ
"ขโมยความคิดจากที่ไหนก็ได้ ขอให้มันสร้างแรงบันดาลใจ หรือเติมพลังให้กับจินตนาการของคุณก็พอ ไม่ว่าจะเป็นหนังเก่า หนังใหม่ บทเพลง หนังสือ ภาพวาด รูปถ่าย กลอน ความฝัน บทสนทนาที่แว่วมาเข้าหู เลือกขโมยสิ่งที่คุณรัก และมีความหมายกับคุณจริงๆเท่านั้น ถ้าคุณทำแบบนี้ ผลงานของคุณ ก็จะกลายเป็นของต้นตำรับ" - จิม จาร์มุช
อ๊ะ .. เริ่มเข้าท่า ไปจ่ายตังค์แล้วเอากลับมาอ่านที่บ้านดีกว่า ....
ไม่มีใครเกิดมามีมุมมองหรือสไตล์เฉพาะตัวในทันที เราไม่ได้รู้จักตัวตนของตัวเองตั้งแต่หลุดออกมาจากท้องแม่ ในช่วงเริ่มต้นเราจะเรียนรู้ด้วยการเลียนแบบฮีโร่ในใจของเรา
คนที่เรารัก คนที่สร้างแรงบันดาลใจให้เรา หรือคนที่เราอยากเป็น "เราต้องเร่ิมเลียนแบบผลงานฮีโร่ในดวงใจเราก่อน อย่าขโมยจากฮีโร่แค่คนใดคนหนึ่ง แต่จงขโมยจากฮีโร่ทุกคนที่คุณชื่นชม"
"ถ้าคุณได้รับอิทธิพลทางความคิดจากคนเพียงคนเดียว คนอื่นจะเรียกคุณว่าเป็นร่างทรงของคนนั้น แต่ถ้าคุณขโมยความคิดจากคนเป็นร้อยๆ ทุกคนจะพูดว่าผลงานของคุณช่างแปลกใหม่ไม่เหมือนใครจริงๆ !!!"
มันใช่เลย โดนใจ "ฉึก" ..... แต่ว่า ........
เราจะรู้ว่าสุดท้ายแล้ว สิ่งที่เราเลียนแบบฮีโร่ของเรานั้น จะไม่มีทางสำเร็จ จะไม่มีทางเหมือนได้เลย เราจะล้มเหลว ??!!
"ความล้มเหลวในการพยายามเลียนแบบบุคคลในอุดมคติของเรานี่เองที่จะช่วยให้เราค้นพบตัวตนและเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเรา" โคแนน โอไบรอัน นักแสดงตลกคนหนึ่ง ได้กล่าวเอาไว้
มาถึงตรงนี้ก็เรียกว่าพอจะสรุปได้ว่า
1. ต้องมีฮีโร่ หรือ Idol ของเราเอง ไม่ว่าจะวงการไหน
2. ต้องเลียนแบบ ฝึกฝน ดูผลงาน ที่เป็นแรงบันดาลใจของเราให้มาก
3. ซ้อม ซ้อม ซ้อม แล้วก็ ซ้อม
4. ตกผลึกเป็นแนวทาง ลายเซ็นของเราเอง
หลังจากผมอ่านหนังสือเล่มนี้จบ ผมก็ได้นึกถึง IDOL ในถ่ายรูปของผมคนนึง ที่ผมชอบมาก จนถึงกับทำให้ผมย้ายค่ายกล้องจาก Canon เป็น Nikon ซึ่งจะพูดถึงใน Blog ถัดไปครับ
แนะนำตัวก่อนครับ
"ชื่ออ่านว่าอะไร" "ทำไมต้องชื่อนี้" "ขี้ดู?" "เคโระเหรอ" บลา บลา บลา
Kedo - อ่านว่า "เกโดะ" ครับ
ทำไมต้องชื่อนี้
อันนี้ต้องถามเพื่อน ป.6 ผมครับ มันชื่อ ไอ่เหี่ยว เป็นคนตั้งชื่อให้
เพราะว่ามันมีรูปถ่ายประจำห้อง ป.6/2 หน้าผมดันไปคล้ายกบ (ต้องไปหาก่อนว่ารูปอยู่ไหนแล้ว)
ไอ่เหี่ยว เลยล้อผมว่า เกโดะ เกโดะ ... อ๊บๆ
อายมั้ย อายมาก ตอนนั้นใครเรียก แทบจะหันกลับไปต่อย (อารมณ์เด็กก็ยังงั้นจริงๆ)
แล้วเดี๋ยวนี้ล่ะ ......
กลายเป็นชื่อที่ 2 ไปแล้ว ก็ดีเหมือนกันจำง่าย แถมไม่มีใครซ้ำด้วย 555
ขอบคุณนะ ไอ่เหี่ยว :D
ส่วน Foto ก็คือ Photo ครับ ..... เพราะว่าผมชอบถ่ายรูปนั่นเอง
ผลงานก็มีบ้าง เล็กๆน้อยๆ (ตอนนี้)
แต่ต่อไปผมตั้งเป้าไว้ว่า จะมีคนติดตามผลงานภาพถ่าย หรือ งานเขียน ของผมให้ได้มากกว่า 5,000 คนครับ
ปล. ผมเกิด พ.ศ. 2525 จะได้นับน้องนับพี่กันถูก :D
Portfolio ที่ผ่านมา
Multiply
Shutterstock
Flickr
iStockphoto
500px
Gettyimages
UPDATE 21/4/2013
มี Facebook Fanpage เพ่ิมมาอีกอันนะครับ เข้าไปคุยกันได้
KedoFoto Fanpage
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)